ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ อันเป็นปีที่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครอง "ท่านพุทธทาสภิกขุ" (หรือพระมหาเงื่อม อินทปัญโญ ในตอนนั้น) ได้ตัดสินใจหันหลังให้กรุงเทพฯ เดินทางกลับบ้านเกิดที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของท่านเอง
หลังจากเสาะหาและสำรวจพื้นที่อยู่นานก็ได้พบกับวัดร้างแห่งหนึ่ง (วัดตระพังจิก - ปัจจุบันคือสวนโมกขพลาราม) ซึ่งแม้จะตั้งอยู่ในป่ารกครึ้มและมีสระน้ำซึ่งร่ำลือกันว่า "ผีดุ" แต่ด้วยบรรยากาศอันสงบวิเวกและเหมาะแก่การใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติก็ดึงดูดให้ท่านตัดสินใจเลือกสถานที่แห่งนี้
ท่านพุทธทาสเล่าถึงประสบการณ์ในวันนั้นว่า
"ที่พักครั้งแรกที่สุดนั้นเป็นเพียงโรงพื้นดิน กั้นและมุงด้วยจากเล็กๆ ขนาดวางแคร่ได้ ๓-๔ แคร่ อยู่ติดกับโรงสังกะสีซึ่งเขายกขึ้นสำหรับมุงพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์หนึ่งไว้ แต่ก่อนเป็นโรงเปลือย ไม่มีฝากั้น สวมทับลงตรงโบสถ์เก่าเพื่อรักษาพระพุทธรูปเอาไว้ ต้นไม้ขนาดเขื่อง มีเงาครึ้ม ได้งอกรุกล้ำเข้ามากระทั่งในแนวพัทธสีมา เนื่องจากความนานของวัดที่ร้างมาไม่น้อยกว่าแปดสิบปี นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอีก นอกจากป่าไม้ที่แน่นทึบอยู่โดยรอบ
สถานที่นี้เป็นสถานที่เมื่อฉันมาอยู่ก็ยังเป็นสถานที่กลัวเกรงของคนทั่วไป มีผู้ชายหลายคนแม้กลางวันแสกๆ คนเดียวไม่กล้าไปที่โบสถ์นั้น เนื่องจากความเชื่อในผีสางหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้และเถาวัลย์จึงพากันกำเริบแน่นทึบไปหมด นอกจากบ่อเก่าๆ พังมิพังแหล่ เหลืออยู่บ่อหนึ่ง ห่างจากโบสถ์ประมาณห้าสิบเมตร พออาศัยใช้น้ำได้บ้างแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเรียกได้ว่ามิใช่ของมีเองตามธรรมชาติ
นี่คือภาพแห่งสวนโมกข์ในสมัยสองปีแรก ซึ่งผิดกับภาพถ่ายที่เคยนำลงในหนังสือพิมพ์ ‘พุทธสาสนา’ หรือภาพที่ท่านจะได้เห็นในเมื่อไปเยี่ยมสวนโมกข์ด้วยตนเองในบัดนี้ อย่างที่จะเปรียบกันไม่ได้เลย
แต่ตามความเป็นจริง ฉันยังรู้สึกพอใจสภาพเป็นอยู่ของสวนโมกข์เมื่อครั้งนั้นอยู่จนกระทั่งบัดนี้ ซึ่งฉันรู้สึกชัดแก่ใจว่า มันได้ให้ประโยชน์บางประการแก่ฉัน ชนิดที่สวนโมกข์ในสภาพปัจจุบันซึ่งเตียนสะอาด มีที่พักสบาย ไม่อาจจะให้ได้เลย เรื่องนี้เป็นหลักที่จะลืมเสียมิได้สำหรับผู้สนใจในการฝึกฝนทางจิต
ฉะนั้น ฉันควรจะกล่าวถึงสภาพของสวนโมกข์สมัยเริ่มแรกนี้ต่อไปอีกสักเล็กน้อยเพื่อเป็นการศึกษาสำหรับผู้ที่จะริเริ่มเป็นนักฝึกฝนเกี่ยวกับทางจิตตามควร"
"ความสะดุ้งหวาดเสียวชนิดใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าไว้ในบาลี (ภยเภรวสูตร) ฉันรู้สึกว่า ฉันได้เสพคบกับความหวาดเสียวชนิดเดียวกันนั้นมาแล้วอย่างมีปริมาณไม่น้อย เพราะฉันก็เช่นเดียวกับท่านผู้อ่านส่วนมาก คือมิได้ชินกับป่าด้วยการกำเนิดและเติบโตในป่า ทั้งที่ฉันได้เคยศึกษาพระบาลีนั้นมาแล้วก่อน แต่ไปอยู่เปลี่ยวๆ คนเดียวเช่นนั้น ฉันก็ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยเหตุนั้นกี่มากน้อยเลย …
เพียงเท่านี้ก็แสดงว่า การสู้รบกับ ‘ความหวาดกลัว’ อันเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ เป็นปัญหาอันยากเย็นเพียงไร
ความคาดคะเนอยู่ในห้องเมื่อยังอยู่ที่กรุงเทพฯ ว่า ฉันจะตั้งหลักของฉันเพื่อจะแก้ปัญหาเหล่านี้ๆ เช่นนั้นๆ เป็นสิ่งที่ใช้อะไรไม่ได้เลย เพราะว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่ ‘หลัก’ อะไรมากมายนัก แต่อยู่ที่ ‘ความมากน้อยของกำลังใจ’ และ ‘ความช้าหรือเร็วของสติ’ และ ‘ความเคยชินหรือไม่’ เป็นส่วนใหญ่
รสชาติของการอยู่คนเดียวในสถานที่อันสงัดและดึกสงัดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจบอกให้เข้าใจกันได้ด้วยตัวหนังสือหรือด้วยการนึกเทียบเอาจากการที่อยู่ในที่อันเป็นธรรมดาของผู้ที่ไม่เคยไปอยู่ มีอำนาจอะไรอย่างหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าได้ ‘ริบ’ เอากำลังใจไปเสียหมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อเริ่มรู้สึกตนว่าได้อยู่ผู้เดียวในที่ที่ปราศจากสิ่งคุ้มครองแต่อย่างใด ยิ่งเมื่อมีอะไรหวอหรือโครมครามวูดวาดออกมาในเวลาที่ไม่รู้สึกตัวและเพิ่งประสบเป็นครั้งแรก ย่อมเป็นการเหลือวิสัยที่จะไม่ให้เกิดการสะดุ้ง
ครั้นกำลังใจค่อยเข้มแข็งขึ้น สติค่อยรวดเร็วขึ้น สิ่งนั้นๆ ค่อยๆ กลายเป็นธรรมดาไป เพราะฉะนั้นต้องให้เวลาอย่างน้อยสัก ๗ วัน สำหรับบทเรียนขั้นต้นนี้ เพื่อฝึกฝนการใช้หลักอย่างใดอย่างหนึ่งจนกว่าจะได้ผลที่พอใจ ..."
"มันมีอยู่อีกอย่างหนึ่งซึ่งควรจะนับว่าเป็นของวิเศษมากและเคยเป็นที่พึ่งของฉันมามากแล้ว คือ ความรักในการศึกษา อยากรู้อยากทดลอง
เมื่อกำลังใจและสติยังสมบูรณ์อยู่กับตัวก็อยากลองไปเสียทั้งนั้น แม้ที่สุดแต่อยากลองให้เสือกัด งูกัด หรือให้ผีหลอก และให้ภูตหรือเปรตมาหา สนทนาปราศรัยกัน ทั้งนี้เพื่อถือเอาเป็นโอกาสสำหรับศึกษาสิ่งเหล่านั้นด้วย และทดลองกำลังน้ำใจของตนเองด้วย แต่ดูเหมือนโชคไม่เคยอำนวยให้เป็นเช่นนั้นเลย ความกลัวกลายเป็นของหลอกและกลัวเปล่าๆ ซึ่งนับว่าขาดทุนสมแก่ความโง่ขลาดของตัวที่ไปกลัวมันเอง
ฉะนั้น ถ้าหากเราจะมีปัญญาหรือเหตุผลพอๆ แก่การรักษาตัวแล้ว เราหวังได้ก็แต่ความปลอดภัยและโอกาสแห่งการศึกษาที่ประณีตยิ่งๆ ขึ้นไปเท่านั้น สิ่งที่เคยกลัวกลายเป็นของธรรมดามากเข้า จนบางครั้งกลายเป็นวัตถุแห่งความขบขัน และเราจะพบตัวเราเองว่าเปลี่ยนไปจนจะเป็นคนละคน และเมื่อเป็นไปโดยทำนองนี้มากเข้า อุปสรรคอันเกิดจากความกลัวที่คอยเกียดกันความเป็นสมาธิแห่งจิตก็มีน้อยเข้าและหมดสิ้นไปในที่สุด สามารถจะนั่งอยู่คนเดียวในที่โล่งในกลางคืนอันสงัด โดยปราศจากเครื่องคุ้มครองอย่างใดนอกจากจีวรที่ห่มอยู่ และมีจิตแน่วไปในการฝึกฝนได้ตามปรารถนา
ฉันเคยเข้าใจว่า เราอาจพึ่งพาสิ่งคุ้มครองเช่นรั้วหรือกลดเป็นต้น ช่วยบรรเทาความหวาดระแวงเมื่อจะต้องนั่งอยู่คนเดียวในที่เปลี่ยว แต่นั่นเป็นสิ่งที่จะต้องขอบอกกล่าวเพื่อนนักศึกษาไว้ทั่วๆ กันว่า ไม่น่าจะใช้เลย คือเราจะไม่ได้จิตใจอันใหม่ที่เป็นจิตใจอันปล่อยหมด มันยังคงระแวงอยู่นั่นเอง ไม่ได้เกิดกำลังใจอันเข้มแข็งเพียงพอ พอไม่มีสิ่งเหล่านั้นเป็น ‘เครื่องอุ่นใจ’ ความขลาดชนิดของคนธรรมดาก็มีมาอีก"
ณัฐวุฒิ/สำนักข่าวทีนิวส์ : รายงาน
****************************************ปลาย******************************* เรียนทั้งหมดของผู้เข้าชมที่รัก! ผมขอบคุณมากสำหรับการเยี่ยมชมบล็อกของฉัน! ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อหาเนื้อหาที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดสำหรับทุกท่าน! กรุณามีความโชคดี! จาก lookingtodaytth!!! :) ***************************************************************************************************************************************************** Beauty & Health My treat bruisesHere are the experiences of a woman related to the treatment of bruises: I started puberty bruising occurred when I was very taken questions to ask his mom said as I reached the age of puberty just dont face from time to time, it's gone. A little earlier, but I agree now fully legitimate. Pretty face, which I had previously claimed no more terrible now.Research therapy I saw bruises on the face from day to day more and more my mom took me to the hospital doctors prepackaged and said swallowing the regular season slowly bruises and cuts. Some trust when doctors told that as I dont take regular timing for nearly a year and blemishes intact without reducing less. Later, Mom, I do not know what he heard from turmeric grind meters close to me every day. Before bed, I wash cleaning, apply turmeric smear turmeric every day makes my face yellow looking glass gradually found themselves formidable painted saffron for some time, but the last is also zero, I canceled again because it can not go out with the front yellow like this ever. 3rd cousin sister was advised to use a Malay Malay healing bruises box is not cheap, but I thought maybe it was too expensive and too expensive to be effective. Painted the first few days saw a soft face bruised some wine, I am very happy to see such good condition. Happy grieve not long back when painted all Galilee, I stopped using not a week bruising back. I was too frightened to tell mom bought her mom about Malaysia is not good to stop using, but more than ever. Talk talk, but he's still buying, but 2nd box bruises no longer up worse than before I decided to stop using. Raise any dont also bring about hope and turned despair behind me, let me surrender completely and although family and friends try to encourage, however, still feel I still sucks very tired, I did not dare to depart but if necessary, I also mask nearby and wearing glasses again no one could see that I was not. And I would not attend any school activities for fear I became a theme for all of you to learn more inferior.
Post a Comment