นักพูดหลบไป!! จงดูว่าสมเด็จโตพูดอะไร...ที่สื่อสารให้เกิดการ "เปลี่ยนแปลงจากภายใน" จนทำให้หญิงใจร้ายคนหนึ่งถึงกับ "หลั่งน้ำตาแห่งความสำนึกผิด"!![lookingtodayth]







มีคุณนายคนหนึ่งเป็นคนใจบุญสุนทาน ทำบุญตักบาตรทุกเช้า
ตักบาตรเสร็จแล้วก็แต่งสำรับกับข้าวอย่างประณีตบรรจงเพื่อเอาไปถวายท่านเจ้าประคุณ "สมเด็จโต" ด้วยความเคารพนับถือในพระจริยาวัตรของท่าน และชอบที่จะฟังท่านคุยเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง
เรียกได้ว่า ตักบาตรเสร็จเมื่อไหร่ คุณนายต้องมาวัดทุกวัน ถวายอาหารเสร็จก็คุยกับสมเด็จโต
วันหนึ่ง หลังจากที่คุณนายกลับไปแล้ว พระหนุ่มรูปหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จโตก็เข้าไปกราบเรียนว่า
"คุณนายคนนี้ใจบุญสุนทานจริงๆ ... แต่เคยได้ยินว่าเป็นคนใจแคบ  เหลือแม่อยู่คนเดียวก็ปล่อยให้อด ๆ อยาก ๆ ไม่เอาใจใส่  ปล่อยให้อยู่ในห้องแคบ ๆ หลังบ้าน  ส่วนตัวเองและลูก ๆ อยู่ตึกใหญ่โต สะดวกสบาย  เวลาพูดจากับแม่ก็ฟังไม่ได้ ทั้งหยาบคาย ขู่ตะคอก กระแทกกระทั้น ผิดกับตอนมาคุยกับสมเด็จโตที่วัดชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ  แม่จะออกมาเดินเล่นหน้าบ้านก็ไม่ได้ ไม่ยอมให้ออก เพราะมีแม่แก่ ๆ หลง ๆ ลืม ๆ สติไม่สมประกอบ ก็เลยอายเขา
มีคนเขาเล่าให้ฟังหลายคนแล้ว ... เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบได้!"
สมเด็จโตก็นั่งฟังเฉย ไม่พูดว่าอะไร
วันหนึ่ง สมเด็จโตมีกิจนิมนต์ไปทำบุญบ้าน  ขากลับเดินผ่านหน้าบ้านคุณนายคนนั้น ท่านก็เลยแวะบ้านคุณนายก่อน  คุณนายดีใจมากที่สมเด็จฯ มาเยี่ยมถึงบ้าน เพราะถือเป็นมงคลอย่างสูงที่พระชั้นสมเด็จฯ มาเยี่ยม จึงเรียกลูกหลานมากราบเท้าท่านเป็นการใหญ่ แล้วก็คุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย
ระหว่างนั้น สมเด็จโตถามคุณนายว่า
"พระในบ้าน...มีไหม?"
"มีเจ้าค่ะ... พระในบ้านมีหลายองค์... เป็นพระเก่า ๆ ทั้งนั้น  สมัยสุโขทัยก็มี เชียงแสนก็มี  อาราธนาท่านสมเด็จฯ ขึ้นไปดูข้างบน"
สมเด็จโตก็เฉย แล้วถามต่อว่า
"ได้ทราบข่าวว่าคุณนายมีแม่อีกคน ... เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหนเสีย?"
คุณนายสะอึก เสียวแปลบเข้าไปในหัวใจ ... จะตอบตามตรงก็กลัวว่าสมเด็จฯ จะเดินไปดู และถ้าเห็นสภาพความเป็นอยู่ของแม่ตนเองแล้วท่านจะติเตียน
คุณนายอึก ๆ อัก ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตอบว่า
"ตอนนี้ท่านไม่อยู่เจ้าค่ะ... ออกไปเยี่ยมญาติ... อีกนานถึงจะกลับ"
สมเด็จโตนั่งนิ่งอยู่สักครู่แล้วจึงลากลับ
หลังจากวันนั้น คุณนายก็ยังคงไปวัดตามปกติ





วันหนึ่ง สมเด็จโตเห็นว่า วันนี้คุณนายยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาร่าเริง อารมณ์ดีหลังจากได้ทำบุญทำทาน จึงถามว่า
"พระในบ้านของโยม... โยมดูแลเรียบร้อยแล้วหรือยัง?"
"เรียบร้อยเจ้าค่ะ!  ดิฉันจุดธูปเทียน ถวายอาหาร บูชาเสร็จแล้วจึงมาที่วัด ... ท่านไม่ต้องเป็นห่วง"
"อาตมาไม่ได้หมายถึงพระพุทธรูป ...
พระในบ้านที่อาตมาถามถึงนี่เป็นพระที่ยังมีลมหายใจ...คือ แม่พระ...ผู้มีพระคุณสูงสุดแก่โยม
แม่ให้ชีวิตเรามาโดยเอาชีวิตตัวเองเข้าแลก เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนได้ดิบได้ดีทุกวันนี้
แม่เหน็ดเหนื่อย ทุกข์ทรมานแสนสาหัส
แม่ทนหิวเพื่อให้ลูกอิ่ม
แม่ทนหนาวเพื่อให้ลูกอุ่น
แม่ไม่เคยนอน... ถ้าลูกของแม่ยังไม่หลับ
ยามลูกเจ็บป่วย...ร้องไห้ หัวใจแม่ก็เจ็บปวดและร้องไห้พร้อมกับลูกด้วย
แม่อยากเอาความเจ็บปวดทั้งหมดของลูกมาไว้ที่แม่
ถ้าทำได้... แม่ยอมตายเพื่อลูกได้
พระคุณของแม่นี้ใหญ่หลวงเกินกว่าจะคณานับ
เราต้องตอบแทนบุญคุณท่านบ้างนะโยม
เอาตาดู...หูใส่...เอาใจใส่ท่านบ้าง  ไม่ใช่ปล่อยให้ท่านอด ๆ อยาก ๆ  เจ็บไข้ได้ป่วยก็ดูแลท่านบ้าง
อาตมาได้ข่าวว่า คุณโยมเหลือแม่อยู่คนเดียวและไม่ค่อยสนใจความเป็นอยู่ของท่าน ปล่อยให้อยู่ในห้องแคบๆ ... ไม่สงสารท่านบ้างหรือโยม?
โยมจัดอาหารมาถวายพระได้ทุกวัน  แต่พระในบ้านอีกองค์... โยมไม่เคยจัดให้
และตอนที่โยมจัดมาให้อาตมา สังเกตดู... โยมจัดมาให้อย่างดี ประณีตบรรจง  เมื่อก่อนอาตมาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ฉันของโยมตามปกติ  แต่ตอนนี้บอกตรง ๆ เลยว่า... กลืนไม่ค่อยลงมาหลายวันแล้ว!
อาตมาเป็นพระในวัด... ไม่ควรเอาเปรียบพระในบ้านของโยมเกินไป
ถ้าพระในบ้านยังอด พระในวัดก็กลืนไม่ลง!!
การทำบุญให้ได้บุญมากนะโยม... ต้องเลี้ยงพ่อแม่ให้อิ่มหนำสำราญเสียก่อน แล้วจึงถวายพระ"
...
...
คุณนายไม่พูดอะไรอีก ... แล้วน้ำก็ค่อย ๆ ไหลออกจากตา
.......................
บางคนกว่าจะรู้ว่าพ่อแม่เป็นพระในบ้านผู้ประเสริฐก็สาย... เมื่อท่านทั้งสองไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว








x

****************************************ปลาย******************************* เรียนทั้งหมดของผู้เข้าชมที่รัก! ผมขอบคุณมากสำหรับการเยี่ยมชมบล็อกของฉัน! ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อหาเนื้อหาที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดสำหรับทุกท่าน! กรุณามีความโชคดี! จาก lookingtodaytth!!! :) **************************************************************************************************************************************************** Beauty & Health My treat bruisesHere are the experiences of a woman related to the treatment of bruises: I started puberty bruising occurred when I was very taken questions to ask his mom said as I reached the age of puberty just dont face from time to time, it's gone. A little earlier, but I agree now fully legitimate. Pretty face, which I had previously claimed no more terrible now.Research therapy I saw bruises on the face from day to day more and more my mom took me to the hospital doctors prepackaged and said swallowing the regular season slowly bruises and cuts. Some trust when doctors told that as I dont take regular timing for nearly a year and blemishes intact without reducing less. Later, Mom, I do not know what he heard from turmeric grind meters close to me every day. Before bed, I wash cleaning, apply turmeric smear turmeric every day makes my face yellow looking glass gradually found themselves formidable painted saffron for some time, but the last is also zero, I canceled again because it can not go out with the front yellow like this ever. 3rd cousin sister was advised to use a Malay Malay healing bruises box is not cheap, but I thought maybe it was too expensive and too expensive to be effective. Painted the first few days saw a soft face bruised some wine, I am very happy to see such good condition. Happy grieve not long back when painted all Galilee, I stopped using not a week bruising back. I was too frightened to tell mom bought her mom about Malaysia is not good to stop using, but more than ever. Talk talk, but he's still buying, but 2nd box bruises no longer up worse than before I decided to stop using. Raise any dont also bring about hope and turned despair behind me, let me surrender completely and although family and friends try to encourage, however, still feel I still sucks very tired, I did not dare to depart but if necessary, I also mask nearby and wearing glasses again no one could see that I was not. And I would not attend any school activities for fear I became a theme for all of you to learn more inferior.

Post a Comment